เลือกห้องที่น่าสนใจ เซ็นทริค รัชโยธิน l Centric Ratchayothin

19/02/2018

Score

  • Location: 8
  • Design: 8
  • Facilities: 8.5
  • Value for money: 8
8 / 10

เซ็นทริค รัชโยธิน

กลับมาอีกครั้งกับคอนโดคุณภาพดีจาก SC Asset สำหรับปีนี้โครงการที่จะเปิดตัวนั้นจะไม่ใช่ Segment Super Luxury เหมือนในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา แต่โครงการจะขยับ Segment ลงมานิดนึงครับ โดยโครงการแรกที่จะเปิดในปีนี้คือ เซ็นทริค รัชโยธิน ซึ่งแบรนด์นี้ SC Asset ไม่ได้พัฒนาโครงการใหม่มาหลายปีแล้ว โดยการกลับมาของแบรนด์เซ็นทริคในครั้งนี้ ได้ขยับ Segment จาก Mid-End ไปที่ Something between Mid-End และ Hi-End ดูยากเนอะ 55 ในส่วนนี้เดี๋ยวผมจะลงในรายละเอียดอีกทีในช่วงรีวิวนะครับ

สำหรับโครงการนี้เป็นอีกหนึ่งโครงการที่ค่อนข้าง Private เนื่องจากมีจำนวนยูนิตเพียง 261 ยูนิตเท่านั้น สำหรับความสูงของอาคารจะอยู่ที่ 21 ชั้น กับส่วนกลางที่มาเกินพอดี สำหรับในวันนี้จะยังไม่ใช่รีวิวแบบเต็มรูปแบบนะครับ เนื่องจากงานส่วนกลางยังสรุปไม่หมด แต่โครงการจะเปิดขายในรอบออนไลน์ก่อน ดังนั้นในวันนี้ผมจะมารีวิวห้องเบื้องต้นกันก่อนนะ เพื่อให้เห็นว่าในแต่ละ Room type นั้น มีความน่าสนใจอย่างไร สำหรับสเปคห้องทั่วไปนั้นทุกห้องจะสูงอยู่ที่ 3 เมตร โดยโครงการจะมาแบบ Fully furnished เฟอร์นิเจอร์ครบตามสไตล์แบบเซ็นทริค โดยห้องของโครงการนี้จะมี Studio, 1 Bed, 1 Bed plus และ 2 Beds ครับ

Floor plan

ก่อนที่จะไปดูประเภทของห้องนั้นผมอยากจะพูดเกี่ยวกับจุดเด่นของ Floor plan ในโครงการนี้กันก่อน เนื่องจากทาง SC Asset นั้น Proudly present มาก เพราะเป็นอีกหนึ่งโครงการที่คิดมาค่อนข้างเยอะมี Detail ไม่เหมือนกับโครงการอื่นๆ ที่ผ่านมา

Lift

ตำแหน่งลิฟท์ของโครงการนี้ จะไม่แชร์ผนังกับห้องชุดใดๆ เลยครับ ถ้าดูจาก Floor plan จะเห็นภาพมากขึ้น ดังนั้นจึงหมดกังวลเรื่องเสียงลิฟท์เวลาลิฟท์ขึ้นลง

Garbage room

ผมเชื่อว่าตำแหน่งห้องขยะในทุกโครงการล้วนเป็นปัญหาใหญ่ในการเลือกห้องทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นความกังวลในเรื่องกลิ่นหรือเสียงที่อาจจะเข้ามารบกวนภายในห้อง แต่สำหรับโครงการ เซ็นทริค รัชโยธิน ปัญหาเหล่านี้จะลดลงไปมาก เนื่องจากทางโครงการได้ทำประตู 2 ชั้นสำหรับห้องที่ให้ทิ้งขยะ ดังนั้นปัญหาเรื่องกลิ่นหรือเรื่องเสียงของห้องที่อยู่ใกล้ตำแหน่งห้องขยะนั้น จะลดลงไปมากหรืออาจจะไม่มีเลย

Lift hall

ปัญหาอีกหนึ่งอย่าง คือ ห้องที่อยู่ตำแหน่งใกล้โถงลิฟท์ ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งจุดที่หลายๆคนกังวลไม่ว่าจะเป็นเรื่องเสียงของลิฟท์ หรือเสียงของคนพูดคุยกันในบริเวณดังกล่าว ดังนั้น เซ็นทริค รัชโยธิน จึงขยายพื้นที่ของโถงลิฟท์ให้มีขนาดกว้างขึ้น เพื่อลดการได้ยินของเสียง สำหรับห้องที่ใกล้ตำแหน่ง Lift ครับ

Double Wall

สำหรับห้องที่โดยปกติแล้วถ้าเป็นโครงการอื่นจะต้องแชร์ผนังร่วมกันกับลิฟท์โดยสารหรือลิฟท์ข้นของ เช่น ตำแหน่งที่ 17 นั้น  ทางโครงการได้ทำผนัง 2 ชั้นไว้ให้ เพื่อไม่ให้ห้องดังกล่าวได้ยินเสียงลิฟท์ขึ้นและลง

Room door

ประตูห้องในแต่ละห้องนั้นจะไม่อยู่ตรงข้ามกัน เนื่องจากทางโครงการต้องการให้ผู้พักอาศัยมีความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น

Natural light, Air flow

ทางเดินระหว่างชั้นจะมีหน้าต่าง 2 ตำแหน่ง เพื่อให้อากาศภายในตึกสามารถหมุนเวียนเข้าและออกได้ นอกจากนี้ยังให้แสงธรรมชาติสามารถลอดผ่านเข้ามาภายในตึก เพื่อลดการใช้ไฟภายในอาคารอีกด้วย

View

วิวของโครงการ เซ็นทริค รัชโยธิน ผมว่าน่าจะรอดเกือบทุกมุมครับ โดยตำแหน่งที่คิดว่าจะโดนตึก LPN บังนั้น ทางโครงการก็ทำห้องฝั่งนั้นให้เป็นผนังโดยหันกระจกหรือหน้าต่างไปในมุมอื่นๆ ที่ไม่บล็อควิว ในองค์รวมผมคิดว่าการเลือกตำแหน่งวิวนั้นค่อนข้างสบายเลยครับ หรือถ้าจะให้ชัวร์ว่าพ้นตึกอาคารสูง 2-5 ชั้นบริเวณดังกล่าว เลือกสักชั้น 6 ก็น่าจะรอดหมดแล้วครับสบายๆ

Room

เอาล่ะครับเรามาดูกันได้เลยว่าห้องตำแหน่งไหนน่าสนใจบ้าง ความจริงแล้วทางโครงการเครมโครงการนี้ว่า ‘ห้องของโครงการนี้ไม่มีเกรด D’ ประมาณว่าทุกห้องของโครงการนี้ดีหมด เดี๋ยวดูครับว่าจะดีเหมือนที่เคลมไว้หรือเปล่า แต่จริงๆ แล้วเกรด D ก็มีนะแต่ผมเห็นแค่ 1 ห้องและเป็นห้องเล็กด้วย ดังนั้นผมเชื่อว่าห้องนี้โครงการจะเอาราคามาสู้แล้วก็จะขายได้ในที่สุดครับ

1 Bedroom

3 ห้องนี้วางไว้หน้าโครงการเลยครับ ถ้าวิวชั้นล่างหน่อยก็ชมความงามของสวนส่วนกลางได้ ถ้าจะสูงๆ หน่อย ก็เป็นวิวเมืองโล่งๆครับ สำหรับตำแหน่ง 3 ห้องนี้ ผมให้คะแนนเกือบเท่ากันหมดครับ แต่จะให้คะแนนห้องที่ติดห้อง Studio น้อยนิดนึง เพราะอยู่ใกล้โถงลิฟท์มากที่สุด แต่ในองค์รวมนั้น ถือว่าไม่มีตำหนิครับ สำหรับจุดเด่นในห้องนี้ที่ผมชอบคือประตูสไลด์ออกระเบียงกับความสูงมั๊กๆ นอกจากนี้ในห้องนอนจะมากับความสูงของกระจก 2.4 เมตร และแค่นั้นยังไม่พอ เอาไปเลยตู้เสื้อผ้า 2 ตำแหน่ง นอกจากนี้ของเล็กๆน้อยๆ อย่างตู้เก็บของและตู้เก็บรองเท้าก็มีมาให้นะครับ โครงการคิดให้ทุกอย่างเลยครับหุหุ

1 Bed plus

1 Bed plus ของโครงการนี้ค่อนข้างแปลก เพราะโดยทั่วไปแล้ว 1 Bed plus ของโครงการอื่นนั้นก็จะเป็นหนึ่งห้องนอน + 1 ห้องอเนกประสงค์แต่สำหรับโครงการนี้ 1 Bed plus จะรวมถึง 1 ห้องนอนที่ใหญ่กว่าห้องนอนปกติแต่จะไม่มีห้องอเนกประสงค์มาให้ครับพูดง่ายๆ ให้เข้าใจก็คือ 1 ห้องนอนใหญ่นั่นเอง 55

Blue

เนื่องจาก 1 Bed plus จะมี 3 แบบและในแต่ละแบบจะกระจายกันอยู่ในตึก ดังนั้นผมขอเลือกตำแหน่งห้องที่ผมชอบเป็นการส่วนตัวมากที่สุดมาพูดก่อนนะครับ โดยเริ่มจากสีน้ำเงินซึ่งก็มีหลายตำแหน่งมาก แต่ตำแหน่งที่ผมชอบมากที่สุดนั้นจะเป็นตำแหน่ง 11 และ 12 ครับ โดย 2 ตำแหน่งนี้จะอยู่มุมสุดของตึก เพราะเราจะได้ผนังอิสระไม่ต้องแชร์กับใครหนึ่งผนังครับ ตามมาด้วยตำแหน่ง 10 ที่โดดเด่นไม่แพ้กันเพราะผนังอีกด้านหนึ่งจะติดอยู่กับบันไดหนีไฟถือเป็นอีกหนึ่งห้องที่ได้ผนังอิสระ ส่วนตำแหน่ง 09 ก็ถือว่ายังดีอยู่ แต่เริ่มใกล้ลิฟท์ไปนิดนึงละ สำหรับตำแหน่ง 03, 04, 06 นั้นผมให้อยู่ในกรุ๊ปเดียวกันครับ เพราะเป็นตำแหน่งใกล้โถงลิฟท์ และหน้าทางเข้าห้องขยะ ซึ่งผมคิดว่า 3 ห้องนี้คงจะเอาราคาเข้าสู้ นอกจากนี้ถ้าดูจากที่ผมเขียนรีวิว Floor plan จะเห็นว่าห้องนี้ไม่ได้แย่ถ้าเทียบกับโครงการอื่นๆนะครับ

Room Feature

สำหรับผมแล้วห้อง Type นี้ เป็นห้องที่ผมชอบมากที่สุดในโครงการเลยครับ เพราะถึงห้องนี้จะชื่อ One bed plus แต่สำหรับผมแล้วมันคือ 2 ห้องนอน Version 34.xx  ตารางเมตรครับ เนื่องจากอีกห้องหนึ่งที่เพิ่มขึ้นมานั้นสามารถวางเตียงขนาด 3.5 ฟุตได้ด้วย  ภาพรวม Layout ของห้องนี้ผมชอบมากเลยครับ เพราะห้องน้ำในห้องนี้สามารถเข้าได้จากห้องนั่งเล่นและห้องนอนครับ ดังนั้นถ้าเพื่อนมาหาก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเข้าห้องนอนเพื่อไปเข้าห้องน้ำเพราะสามารถเข้าห้องน้ำจากห้องนั่งเล่นได้เลย

นอกจากห้อง Plus ที่สามารถวางเตียง 3.5 ฟุตได้แล้ว Highlight ที่ผมว่าสุดยอดมากสำหรับห้องนี้คือกระจกเข้ามุมบานใหญ่มากกับความสูงของกระจก 2.4 เมตร (Bay window) นอกจากนี้ประตูที่ Access ไปที่ระเบียงนั้นเป็นกระจกด้วยครับ จัดใหญ่ให้เยอะมากสำหรับห้องนี้ นี้เอาเบาๆ ไปก่อนเดี๋ยวตอนรีวิวผมจัดชุดใหญ่ให้ครับหุๆ

Red

สำหรับห้องนี้จะมีแค่ตำแหน่งเดียวครับคือตำแหน่ง 13 ถ้าดูจาก Layout แล้วอาจจะไม่ดูเฟี้ยวฟ้าวเท่าตำแหน่งสีน้ำเงิน แต่จุดเด่นของห้องนี้ก็คือ เป็นห้องมุมครับดังนั้นความเป็นส่วนตัวค่อนข้างมาเต็ม แต่จุดอ่อนของห้องนี้ก็มีนิดนึงครับนั่นคือ ในส่วนของห้อง Plus นั้น กระจกจะค่อนข้างเล็กและวิว จะไปสวัสดีกับ LPN เบาๆ(ห่างกันประมาณ 1xx เมตรนิดๆ)

Room feature

ถึงกระจกมุมของห้อง Plus จะหายไป แต่เอาจริงๆ ก็ไม่เชิงว่าหายไปนะ แต่มันย้ายตำแหน่งไปที่ห้องนอนใหญ่แทน ดังนั้นห้องนอนใหญ่ของ Type นี้จะได้กระจกมุมแทนครับ

ห้อง One bed plus ห้องนี้จะใหญ่กว่าห้อง 34.xx ตารางเมตร เพราะจะมาถึง 39.40 ตารางเมตร ดังนั้นใครที่อยากได้ 2 ห้องนอนแต่งงบไม่มากนัก ห้อง Type นี้ค่อนข้างตอบโจทย์ของผู้พักอาศัยเลยครับ

Purple

 ห้องนี้ถือว่าเป็นอีกหนึ่งห้องที่ค่อนข้าง Limited Edition เพราะว่ามีแค่ตำแหน่งเดียว ถ้าดูจาก Floor Plan จะเห็นว่าห้องนี้ความจริงผนังต้องติดกับ Lift  แต่ทางโครงการยอมตัดพื้นที่ขายเพื่อทำเป็นช่องว่างระหว่างผนัง เพื่อให้ผนังของห้องนี้ไม่ติดกับลิฟท์ดังนั้นเรื่องเสียงจึงไม่น่ากังวลใจอีกต่อไป บางคนอาจสงสัยว่าห้องนี้ไม่เห็นมีห้องอีกหนึ่งห้องที่เป็นห้อง Plus เลย ทำไมถึงเรียกว่าเป็น One Bed Plus…ทางโครงการแจ้งว่า Plus แปลว่ามากกว่า ดังนั้นห้องนอนนี้ถึงจะไม่มีอีกห้องเพิ่มขึ้นมาก็ตาม แต่ Space พื้นที่ในการใช้สอยของห้องนี้ใหญ่กว่า 1 ห้องนอนธรรมดา ทางโครงการจึง Class ห้องนี้เป็น One Bed Plus ครับ สำหรับจุดอ่อนเบาๆ ของห้องนี้ก็คือตำแหน่งระเบียง อาจจะเห็นวิวของ LPN ได้ครับ

Room feature

เป็นห้องที่ถ้าใครมีงบอยากได้ 1 ห้องนอนจะต้องเอาจริงๆ ครับ เป็นห้องที่มีจุดเด่นมากมายเดี๋ยวผมจะลองไล่ให้ฟังนะครับว่าห้อง Type นี้ มีความน่าสนใจอย่างไรบ้าง

  • จุดเด่นข้อที่ 1 คือเป็นห้องมุม
  • จุดเด่นที่ 2 ห้องนี้มีการแยกตำแหน่งของห้องได้อย่างเป็นสัดเป็นส่วนมากไม่ว่าจะเป็นครัวปิดห้องนอนและห้องนั่งเล่นที่แยกออกจากกันอย่างลงตัว ตัวสรุปง่ายๆ คือ Layout ของห้องค่อนข้างสมบูรณ์มาก
  • จุดเด่นที่ 3 ก็คือห้องนี้จะมากับ walk in closet มีประตูปิดให้อย่างเป็นสัดเป็นส่วนใครที่ชอบความลงตัวก็ต้องห้องนี้เลยครับ
  • จุดเด่นที่ 4  บริเวณห้องนอนนั้นกระจกบานใหญ่มากครับเกือบ Wall to Wall เลยครับ ดังนั้นใครต้องการห้องนอนกระจกใหญ่และงบได้ก็ต้องห้องนี้เลยครับอยู่แบบสบายๆ กับ 1 ห้องยูนิตค่อนข้างใหญ่

สำหรับห้องของ One bed plus ประมาณนี้ครับ ภาพรวมถือว่าค่อนข้างสวยเกือบทุกห้องเลยครับ ถึงจะมีแค่บางตำแหน่งที่อาจจะไม่สวยมากนัก แต่ผมเข้าใจว่าสุดท้ายแล้วโครงการจะทำห้องตำแหน่งนั้นถูกกว่าห้องตำแหน่งอื่นครับ มาดูกันที่ 2 ห้องนอนกันต่อเลยดีกว่า

2 beds

ห้องนอนนั้นจะมี 2 Type ครับ โดยจะมีแค่ตำแหน่งละห้องเท่านั้น ถ้าพูดในองค์รวมของทั้ง 2 Room type นั้น ผมมองว่าแทบจะกินกันไม่ลงเลยครับ ไม่ว่าจะเป็น layout หรือตำแหน่งของห้อง ที่ไม่มีจุดบอดเลย ดังนั้นการตัดสินใจคงจะเป็นเรื่องของวิวซะมากกว่าแล้วล่ะครับ โดยถ้าชอบทิศเหนือคู่กับทิศตะวันตกก็ต้องตำแหน่ง 02 แต่ถ้าชอบทิศเหนือคู่กับทิศตะวันออกก็ต้องเป็นตำแหน่ง 05 ครับ เดี๋ยวเรามาดู layout กันดีกว่าว่าห้องไหนเป็นอย่างไร แต่ตามที่พูดไปในข้างต้นนะครับว่ากินกันไม่ลงจริงๆ เพราะแต่ละห้องมีจุดเด่นที่ไม่เหมือนกันด้วยผมจะเริ่มที่ตำแหน่ง 05 ขนาด 54.79 ตารางเมตร ก่อนนะครับ

2 Beds ตำแหน่ง 05 (54.79 ตารางเมตร)

สำหรับห้อง Type นี้โครงการจะให้น้ำหนักของห้อง Master Bedroom  กับห้อง Living room ค่อนข้างมากเนื่องจากขนาดของสองห้องดังกล่าวนั้นจะใหญ่กว่า 2 ห้องนอนตำแหน่ง 02 นอกจากนี้ในตำแหน่งของห้อง Master Bedroom นั้น จะได้เป็นกระจกมุมตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่และมุมทำงานภายในห้องด้วยครับ

2 Beds ตำแหน่ง 02 (55.13 ตารางเมตร)

จุดเด่นมากๆ ของห้องนี้ก็คือการแบ่งสัดส่วนของห้องครับ ไม่ว่าจะเป็นห้องนั่งเล่น หรือระหว่างห้องนอนทั้ง 2 ห้อง ที่ทำได้อย่างลงตัวครับ โดยห้องนอนที่ 2 นั้นสามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้อีกด้วย นอกจากนี้ห้องน้ำที่ 2 สามารถ Access ได้จากห้องนอนและห้องนั่งเล่นได้นะ สำหรับใครที่ชอบทำอาหารก็คงต้องเลือกห้องนี้เพราะว่าเป็นครัวแบบปิด

สำหรับจุดเด่นที่ Share ร่วมกันของห้องนอนทั้ง 2 แบบนั่นก็คือ กระจกแบบตูมตูมครับ  ไม่ว่าจะเป็นหน้าต่างหรือกระจกบาน Fix แต่ Highlight ที่เด่นมากและยืม Spec มาจาก Saladaeng One นั่นคือ กระจกบาน Slide ออกระเบียงของห้องนี้ ซึ่งสูง 3 เมตรครับ ดังนั้นใครที่เคยว่าเซ็นทริคให้กระจกภายในห้องชุดเล็กนั้น คงพูดแบบนี้ต่อไปไม่ได้อีกแล้วนะ เพราะไม่ใช่เพียงแค่ 2 ห้องนอนที่ให้กระจกขนาดใหญ่ แต่ถ้าไปดูที่ห้องสตูดิโอ 1 ห้องนอนหรือ 1 ห้องนอนพลัสนั้นทุกห้องกระจกกระตูมๆ หมดครับ

เกือบจะจบแล้วคร๊าบบ บางคนคิดว่าไหนล่ะห้องเกรด D ที่คุณเต้พูดถึงในตอนแรก สำหรับผมมีแค่ห้องเดียวครับนั่นคือห้องสตูดิโอที่ตำแหน่ง 07 เพราะ ถึงแม้ว่าประตูจะไม่ตรงกับโถงลิฟท์แต่ผมว่ามันก็แอบใกล้โถงลิฟท์นิดนึงนะ ประมาณนี้ครับสำหรับห้องและตำแหน่งของ เซ็นทริค รัชโยธิน

ที่ผมนำประเภทห้อง และ Layout ของห้องมาพูดก่อนนั้น เนื่องจากทางโครงการจะมี Online Booking ก่อนวันเปิดขายจริงในวันที่ 6 มีนาคม จึงอยากให้เห็นภาพกันมากขึ้น สำหรับ Layout ของห้องนั้น ผมอ้างอิงจากชั้น 8-18 นะครับ เพราะเป็นชั้นที่มี Layout เหมือนกันมากที่สุด โดยชั้นอื่นอาจจะมีการ Run ตัวเลขห้องที่แตกต่างกันออกไป เนื่องจากในบางชั้นนั้น บางตำแหน่งจะไม่ใช่ห้องพักครับอาจเป็นพื้นที่ส่วนกลางหรือ Set back ของตึก แต่ในองค์รวมประมาณนี้ครับ สำหรับรีวิวเต็มๆ นั้นน่าจะเป็นช่วงกลางๆ เดือนมีนาคม เพราะต้องรอให้ Sales Gallery และห้องตัวอย่างเสร็จสมบูรณ์ก่อนครับ ตอนนี้ห้องตัวอย่างยังประกอบไม่เสร็จเลย แต่ผมแอบย่องเข้าไปแล้วขอ Confirm ว่ากระจกตูมๆ เลยคร๊าบบบ แต่สำหรับวันนี้แค่นี้ก่อนนะครับ Bye Bye

Copy link
Powered by Social Snap