Review

The Reserve 61 Hideaway คอนโด Low rise ที่สวยและดีที่สุดในสยามประเทศ (Editor’s Choice)

Facilities

เต้ขอเรียกเรียกว่า ละมุน กลมกล่อมและลงตัว คือเต้อยากบอกว่าทุกสิ่งทุกอย่างคือความสมบูรณ์ไปหมดเลยครับ ไม่มีอะไรให้ติเลยจริงๆ เริ่มต้นที่ภาพรวมของโครงการกับงาน Landscape ที่ผ่านการออกแบบมาอย่างใส่ใจ และไม่เหมือนที่ใดๆ ในกรุงเทพ ถัดเข้ามาภายในอาคารก็จะพบกับงาน Interior สวยตระการตาประหนึ่งว่าอยู่ในโรงแรม 6 ดาวริมแม่น้ำเจ้าพระยา นอกจากนี้งานส่วนกลางที่กระจายตามจุดต่างๆ ภายในโครงการเต้บอกได้คำเดียวว่า “ที่สุด” ครับ เอาเป็นว่าเต้พูดมาขนาดนี้แล้วไปดูกันเลยครับ

Lobby

โครงการนี้จะมี 2 Lobby นะครับ โดยจะเป็น Lobby อาคาร A และ Lobby อาคาร B โดย เต้ขอเริ่มจากรอบๆอาคารก่อนเลยนะครับ โดยรอบๆอาคารของ The Reserve 61 Hideaway จะมีการกรุหิน Limestone บางส่วนที่ ผนังของ Lobby อาคาร A และ B หินตัวนี้แพงมากนะครับ โดยเราจะพบการใช้หินตัวนี้กับโครงการระดับบนสุดของแต่ละ Developer เท่านั้น

ถัดมาภายใน Lobby นั้น จะมีความเหมือนที่แตกต่าง อย่างเช่น Lobby A สวย คลาสิก ร่วมสมัย มีความเป็น Thai Colonial หน่อยๆ ส่วน Lobby B จะออกแนว โก้ ชิค หรู และลักชูว์ แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทั้ง 2 Lobby ยังคงเหมือนกันก็คือจริตในการออกแบบที่ใครเห็นก็ต้องหลงรักแน่นอนครับ

Lobby อาคาร A

ขอใช้คำพูดว่า Flawless จริงๆ ครับ ไม่รู้จะชมอะไรเลยครับ คือมันสวยไปหมดครับ ไม่ว่าจะเป็นความสูงและความโปร่งภายใน Lobby  หรือการใช้กระจกใสภายใน Lobby เกือบทั้งหมดเพื่อให้แสงธรรมชาติเข้ามาได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ Lobby อาคาร A ยังเป็น Lobby ที่สวยในทุกช่วงเวลา สาเหตุมาจากการวางตำแหน่งของ Lobby เป็นตำแหน่งที่แสงเข้ามา ดังนั้นในแต่ละช่วงเวลาที่แสงเข้ามาภายใน Lobby องศาในการตกกระทบของแสงจะผ่าน ต้นไม้ และสระว่ายน้ำที่จะมีน้ำล้นไหลออกมาตลอดเวลา ทำให้เกิดเงาที่สาดเข้ามาที่ภายใน Lobby ที่แตกต่างกัน ดังนั้น Mood ของ Lobby จะไม่เหมือนกันเลยครับ เต้บรรยายได้เห็นภาพไหมอ่า! พยายามบรรยายในสิ่งที่เต้เห็น

ในส่วนของงานเฟอร์นิเจอร์ภายใน Lobby ก็ยังขอใช้คำเดิมว่าสวยมาก งานพร๊อบทุกอย่างลงตัวไม่ขาดไม่เกิน กระเบื้องพื้นผนังและหินอ่อน (Black Panda) คือดีหมดห้องนี้ให้ 10 คะแนนไม่หักครับ สวยงามจริงๆ

Lobby อาคาร B

ถ้า Lobby อาคาร A จะเน้นเรื่องแสงและเงาผ่านกระจกใสบานใหญ่ เพื่อเล่นกับแสงของธรรมชาติในแต่ละช่วงเวลา Lobby อาคาร B จะเป็นอะไรที่แตกต่างครับ เพราะ Lobby อาคาร B ไม่เน้นแสงและเงาจากธรรมชาติเหมือน Lobby อาคาร A แต่ของ Lobby อาคาร B เน้นการจัด Lighting ภายในLobby ให้ผู้พักอาศัยรู้สึก Calm และสงบ นอกจากนี้ยังมีการใช้เส้นสายแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเส้นตรง/เส้นโค้ง บริเวณผนังส่วนต่างๆ ภายในอาคารเพื่อสร้าง Character เฉพาะตัว แต่ก็ยังแฝงไปด้วยความ โก้ หรู ในตัวเอง ดังนั้นในภาพรวมนั้น 2 Lobby นี้คือความสวยงามที่แตกต่างแต่ลงตัว 

Meeting room

ภายใน Lobby อาคาร B จะมีห้อง Meeting room ด้วยนะครับ ขนาดมาค่อนข้างใหญ่เลยครับ ในส่วนของงาน Interior ยังคงเป็น Theme เดียวกันกับ Lobby  หรูหรา อบอุ่น ละเมียดละไมครับ

Concierge room

ห้องของ Concierge จะอยู่ภายใน Lobby ของอาคาร B อีกเช่นกันครับ โดย Concierge ของที่นี่จะเป็นของบริษัท Black Tie ซึ่งเป็นบริษัทที่มีความเป็น Specialist ในการ Train คนเพื่อส่งไปเป็น Concierge ตามโรงแรมอยู่แล้ว ดังนั้นลูกบ้านของ The Reserve 61 Hideaway จะได้รับงานบริการประหนึ่งดุจอยู่ในโรงแรม 5 ดาว เลยครับ

Reserve Lounge

สวยงามมากครับงาน Interior ยังคงได้รับการส่งผ่านมาจาก Lobby ทั้งสองอาคารก่อนหน้านี้ ในส่วนของงานเฟอร์นิเจอร์ก็ยังคงออกแบบมาได้อย่างลงตัว Space มาแบบกว้างขวาง มี Function การใช้งานที่หลากหลาย จะมานั่งเล่น อ่านหนังสือ หรือใครต้องการประชุมภายในห้องนี้ก็สามารถปรับเปลี่ยนเป็นห้องประชุมได้ถึง 2 ห้องเลยครับ ในภาพรวมห้องนี้ก็เป็นอีกหนึ่งห้องที่เต้ไม่มีตัดคะแนนเลยครับ

Pool

เป็นการออกแบบ Landscape ของสระว่ายและสวนภายในโครงการได้อย่างสวยและแปลกตาจริงๆครับ สำหรับวัสดุที่ใช้ปูพื้นสระทั้งหมดนั้นจะเป็นหินอ่อนเทาลายเมฆ และเต้อยากบอกว่าเวลาที่หินชนิดนี้อยู่ใต้น้ำแล้วสีของน้ำที่สะท้อนขึ้นมาคืองามจริงๆครับ นอกจากนี้บริเวณโดยรอบสระว่ายน้ำจะมีการใช้หินอ่อนหลากหลายชนิดเพื่อสร้าง Character ให้กับสระว่ายน้ำไม่ว่าจะเป็น Emperador Beige, Emperador Grey และ Black forest อีกด้วยครับ

จุดเด่นของโครงการนี้นอกจากการใช้หินอ่อนที่ผมมั่นใจว่าไม่น่าจะมีโครงการไหนใช้มาก่อนแล้ว อีกหนึ่งจุดที่เต้คิดว่าน่าสนใจมากก็คือ สระว่ายน้ำของโครงการนี้จะเป็นแบบ 360 องศา โดยมีสวนขนาดใหญ่และ Sunken seat อยู่ตรงกลางสระว่ายน้ำ ซึ่งถ้าเราอยู่บริเวณ Sunken จะเหมือนกับสระว่ายน้ำอยู่โอบรอบตัวเราครับ โดยความยาวของพื้นที่สระทั้งหมดจะอยู่ที่ 144 เมตร ซึ่งพื้นที่สระว่ายน้ำในส่วนที่ยาวที่สุด จะยาวถึง 75 เมตรครับ โดยความยาวระดับนี้ ถือว่ายาวกว่าสระโอลิมปิคอีกนะครับ สำหรับความลึกจะอยู่ที่ 1.2 เมตรครับ

Private Salon Spa

จะอยู่บริเวณด้านล่างของสระว่ายน้ำครับ โดยจะมีบันไดเดินลงมาจากสระว่ายน้ำ สำหรับภาพรวมในส่วนนี้ไม่รู้จะบรรยายยังไงเลย เอาเป็นว่าโรงแรม 5 ดาวในหลายๆ ที่ ยังออกแบบได้ไม่สวยขนาดนี้ครับ ในเรื่องของ Function การใช้งานนั้น ภายในห้องจะมีเตียงนวดที่ลูกบ้านสามารถเรียก Therapist มาให้บริการได้ครับ โดยจะเป็นห้องปิดเพื่อความเป็นส่วนตัว นอกจากนี้ในบริเวณ Private Salon Spa ยังมี Rain Shower ขนาดใหญ่อีก 2 ตัวด้วยครับ แต่เต้ว่า ตำแหน่งที่ตั้งนั้นแอบ Sexy ไปนิ๊ดไหมน๊า?

Garden

ความจริงแล้วสวนจะอยู่รอบๆ สระว่ายน้ำครับ แต่ส่วนที่เด่นชัดและมี Character ที่สุดคงหนีไม่พ้นบริเวณหน้าห้อง Private Salon Spa เพราะเต้ว่าพันธุ์ไม้ที่นำมาลง+ตำแหน่งการวางนั้นค่อนข้างลงตัวเลยครับ ออกจากห้อง Spa มาก็พบกับความสดชื่นของต้นไม้ในบริเวณนี้

Fitness

Spec ของเครื่องเล่น นั้นมาใน Level สูงสุดครับ เพราะเป็นของ Technogym โดยรุ่นที่ให้มาก็ดีมากด้วยครับ เหมือนตามโรงแรม 5 ดาว ใหม่ๆที่พึ่งสร้างเสร็จเลยครับ สำหรับงาน Interior ภายในห้องนี้เน้นความโปร่งโล่งสบาย จากแสงธรรมชาติ ในส่วนของงาน Interior ภายในห้องนี้จะมาค่อนข้างเรียบๆครับ

Onsen

งาน Interior สวยมาก งามมาก สวยที่สุด สวยแบบไร้ตำหนิ (ชมมากไปมะ?)โดยเฉพาะห้อง Onsen ผู้หญิงนั้นระดับความสวยถ้าคะแนนเต็ม 10 เต้ให้ 20 เลยครับ วัสดุที่ใช้ Mood and Tone การจัด Lighting เป็นความสวยแบบผู้ดีมากครับ โรงแรม 5-6 ดาวยังสู้ยากเลย ส่วนในแง่ของ Function การใช้งานก็มาเต็มมากครับ ไม่ว่าจะเป็นบ่อน้ำร้อนและบ่อน้ำเย็นที่แยกจากกัน และบริเวณก่อนลงบ่อก็มีพื้นที่อาบน้ำหน้าบ่อให้ด้วยนะครับ จะเหมือนญี่ปุ่นไปไหนเนี่ย!55

นอกจากนี้อีกหนึ่งความพิเศษภายในห้อง Onsen ของชายและหญิงก็คือ ห้องผู้ชายจะมี Sauna และห้อง Onsen ผู้หญิงจะมีห้อง Steam เพิ่มมาด้วยอีกครับ แต่…แค่นั้นยังไม่พอ ภายในบริเวณดังกล่าว ยังมีห้องนวดอีกด้วยนะ ดังนั้นใน Part นี้เต้ขอสรุปสั้นๆว่า ฟังชั่นครบ งดงาม ไร้ที่ติครับ

Copy link
Powered by Social Snap