Review

The Crest Park Residences โครงการที่ดีที่สุดในปี 2022 -2023 ( Editors’ Choice)

Facilities

เอาจริงๆ เลยนะครับ ขอแอบสารภาพจากใจเลยว่าตอนเขียน Content ส่วนกลางของโครงการนี้ ในช่วงเวลาโครงการยังสร้างไม่เสร็จ มันเป็นอะไรที่เขียนยากมาก เพราะลึกๆ แล้วในตอนนั้น แอบชอบ The Crest Sukhumvit 34 มากกว่า เพราะเต้รู้สึกว่า Tive ของ The Crest Park Residences  มันม่ายค่อยสวยเลย ดูมันเรียบๆ แอบน่าเบื่ออย่างไรก็ม่ายรู้ 

แต่…

พอถึงวันที่โครงการ The Crest Park Residences แล้วเสร็จ เต้บอกเลยว่าความคิดในอดีตนั้นเปลี่ยนหมด งานส่วนกลางของโครงการนี้ทำให้เต้รู้สึกสะพรึงมาก เพราะความสวยของโครงการนี้มีความ Unique แตกต่าง ไม่เหมือนโครงการไหนที่เต้เคยเห็นมา มีความ แกรนด์ หรูหรา และหลากหลาย สารภาพจากใจเลยว่าชอบจริงๆ เอาล่ะ เราไปดูกันครับว่าโครงการที่เต้ออกตัวว่าชอบอย่างมากมาย จะมีดีสมราคาที่เต้คุยหรือเปล่า

Lobby

สวยมาก สวยจริงๆ Lobby ของโครงการนี้จะเป็นแบบ Double Volume ซึ่งจะมาพร้อมกับกระจกแบบ Full Height จากพื้นถึงฝ้า โดยข้อดีของการใช้กระจก Full Height ก็คือ ภายใน Lobby มีความโปร่งและโล่งเนื่องจากแสงธรรมชาติเข้ามาได้มาก 

โดย Lobby ของโครงการนี้เต้ขอแบ่งเป็น 2 โซนนะครับ โดยโซนแรกจะเริ่มตั้งแต่ทางเข้าไปถึงบันไดวนสุดหรู โดย Highlight งาน Interior ในส่วนนี้ก็คือ เป็นการนำ Material คล้ายกับไม้ มาดัดโค้งมนให้เป็นลักษณะ 3 มิติ แล้วนำมากรุจากพื้นหมุนวนไปถึงฝ้าเลยครับ ผลงานชิ้นนี้มีความ Craft มากครับ เพราะการนำวัสดุที่คล้ายไม้มาวางเรียงกันให้ได้สเกลที่ใหญ่ขนาดนี้ เต้ว่าไม่ง่ายเลย

ถัดมาส่วนที่ 2 จะเป็นบริเวณโถงลิฟท์ โดย Highlight ของ Part นี้ก็คือความอลังการของ Chandelier ดีไซน์เก๋แปลกใหม่ไม่เหมือนใคร Featuring ด้วย การจำลองลำธารเล็กๆ จากภายนอกอาคารไหลผ่านเข้ามาในอาคารทำให้เราได้ยินเสียงน้ำไหลเพื่อความผ่อนคลายตลอดเวลา 

สรุปแล้ว Lobby ของ The Crest Park Residences จะมากับ 2 อารมณ์ อารมณ์แรกคือความหรูหราแบบนุ่มลึกจากสถาปัตยกรรมที่ไม่เหมือนโครงการไหนมาก่อน ส่วนถัดมาคือความรู้สึกผ่อนคลายจากเสียงลำธารเล็กๆ ภายใน Lobby Featuring วิวสวนที่เปิดโล่งผ่านกระจก Full Height รอบๆ Lobby ครับ

Lift Hall and Corridor

ที่ชั้น Lobby โถงลิฟท์จะเน้นความ Modern ครับ โดยวัสดุที่ใช้จะเป็นกระจกสีขาวตัดด้วยประตูลิฟท์สีน้ำตาลเข้มครับ สำหรับในส่วนของส่วนกลางนั้นจะใช้เป็นกระเบื้องลายหิน Black Marquina กรุที่ผนัง ซึ่งส่วนตัวแล้วใน Part นี้ แอบไม่ชอบเท่าไหร่ เพราะดูเหมือนกระเบื้องมากกว่าหิน 

สำหรับส่วนสุดท้ายคือโถงลิฟท์และทางเดินระหว่างชั้นพักอาศัย โดยในบริเวณโถงลิฟท์ชั้นพักอาศัยโครงการจะใช้กระเบื้องลายหินเหมือนกันกับโถงลิฟท์ชั้นส่วนกลางครับ แต่แอบสวยกว่าชั้นส่วนกลาง เพราะมีความเหมือนหินมากกว่า 

ถัดมาคือทางเดินระหว่างชั้น โดยโครงการใช้กระเบื้องตัดกัน 2 สี ซึ่งสีที่นำมาตัดกันนั้นเข้ากันได้ดี จึงทำออกมาได้ค่อนข้างสวยเลยครับ

และท้ายสุดเต้ให้เป็น Highlight ของ Part นี้เลยครับ โดยส่วนนั้นก็คือ หน้าโถงลิฟท์แต่ละชั้นจะมี Mailbox ให้ด้วยนะครับ ดังนั้นการไป Mailbox เช็คจดหมายทุกวันก็จะไม่เป็นเรื่องที่น่าเบื่ออีกต่อไป เพราะเราต้องเดินผ่านบริเวณนี้ทุกวันอยู่แล้วครับ

Business Lounge

จะอยู่ที่ชั้น 2 ครับ โดยเราสามารถเดินบันไดวนดีไซน์เก๋ๆ จาก Lobby มาที่ส่วนกลางบริเวณนี้ได้เลยครับ สำหรับงาน Interior ถ้าดูจาก CG จะออกแนวโปร่งๆ คลีนๆ เหมือน Lobby แต่ของจริงคือสวยสะพรึงเลยครับ โดยเฉพาะวัสดุตกแต่งบริเวณฝ้าคือสวยมาก ถ้าจำไม่ผิด วัสดุจะเหมือนกับที่ Scope พร้อมศรี ซึ่งเป็นโครงการระดับ Super Luxury ของทาง SC Asset อีกด้วยครับ

สำหรับการใช้งานนั้น จะแบ่งเป็น 2 ส่วนครับ โดยในส่วนแรกจะเป็นพื้นที่ตรงกลางของ Business Lounge ซึ่งเราสามารถมาใช้งานได้โดยไม่ต้องจองล่วงหน้า สำหรับส่วนที่ 2 จะเป็นพื้นที่ปิดจำนวน 3 ห้อง ที่เราต้องจองห้องก่อนเข้าใช้งานนะครับ

นอกจากนี้บริเวณ Business Lounge ยังมี Counter bar แต่…ไม่ใช่ Counter bar ธรรมดานะครับ เพราะโครงการเลือกหินอ่อน Black forest มาใช้เป็นวัสดุหลักในการทำ Counter Bar เพื่อความหรูหราอีกด้วย โดยในบริเวณดังกล่าวยังมาพร้อมกับเครื่องชงกาแฟและซิงค์ล้างจานอีกหนึ่งชุดด้วยครับ

Dressing room

Dressing room ก็เป็นอีกหนึ่งห้องที่ห้องจริงสวยกว่า Tive หลายล้านปีแสง โดยขนาดของห้องค่อนข้างกว้างมาก การจัด Lighting ทำออกมาได้ดี สำหรับเคาเตอร์แต่งหน้า อ่างล้างมือใช้หินอ่อน Black Forest แต่ครั้งนี้ไม่ได้ปั่นเงาเหมือนที่เราพบเห็นทั่วไปนะครับ ครั้งนี้โครงการปั่นด้านเพื่อให้ผลึกที่เป็น Glitter ออกมาที่ผิวหิน ดังนั้นผลที่ตามมาก็คือความวิ้งวับของ Glitter บริเวณผิวหิน + ความหยาบของเนื้อหินที่ไม่ได้ปั่นเงา ซึ่งเต้ว่าเป็นอะไรที่สวยและแปลกตามากครับ

Sky Lounge / Co-dining space / Michelin Lounge

อยากเรียกห้องนี้ว่า Multi-Purpose Room จัง เพราะฟังก์ชั่นของห้องนี้เราสามารถใช้เป็นห้องอ่านหนังสือหรือห้องทำงานได้ แต่ในเวลาเดียวกัน เรายังสามารถใช้ห้องนี้เพื่อจัด Party ได้อีกด้วยครับ เพราะภายในห้องนั้นทางโครงการได้เตรียม ชุดครัวพร้อมอุปกรณ์อย่างครบครันไว้ให้ ดังนั้นเราสามารถทำอาหารเบาๆ จนไปถึงอาหารหนักๆ เพื่อเสิร์ฟภายในห้องนี้ได้ แต่ถ้าคิดว่าหมดแล้ว เต้อยากบอกว่ายังไม่หมดครับ เพราะบริเวณโซน Outdoor ของห้องนี้ ทางโครงการได้เตรียมเตา BBQ ให้ด้วยนะครับเผื่อใครอยากทานปิ้งย่าง โครงการนี้ทำได้ครับ

สำหรับงาน Interior ภายในห้อง ถือว่าเป็นอีกหนึ่งห้องที่ทำออกมาได้ดีกว่า Tive อย่างมากมาย โดย Highlight ที่เต้ชอบก็คือ Chandelier  ดีไซน์แปลก นอกจากนี้มีเคาเตอร์หินอ่อน + การทำ Bookmatches หินอ่อนที่ผนังครัว เพื่อเพิ่มความ Luxury ในส่วนนี้ให้มีมากขึ้น และท้ายสุดที่จะไม่พูดไม่ได้เลยนั่นคือ งานกระจกแบบ Full Height ที่มาพร้อมกับวิวสวนจตุจักรแบบเต็มตาครับ

Spa room

ห้องนี้มีไว้สำหรับคนชอบนวดครับ เราสามารถให้ Therapist จากภายนอกมานวดที่ห้องนี้ได้โดยไม่ต้องไปที่ห้องส่วนตัวของเรา ในส่วนของฟังก์ชั่นการใช้งานของห้องนี้ บอกเลยว่ามาแบบจัดเต็มครับ เพราะห้อง Spa ของที่นี่ มีทั้งห้องรวมและห้องแยกครับ โดยในบางห้องจะมีอ่างอาบน้ำส่วนตัวให้ด้วยนะครับ

Spa Room 

Spa Toilet

Pool

เป็นสระว่ายน้ำ Indoor ที่สวยมากครับไม่ว่าจะเป็น Layout ของสระในตอนกลางวัน หรือการจัด Lighting ของสระในเวลากลางคืน โดย Highlight งาน Lighting ของที่นี่ก็คือการซ่อนไฟที่หลืบฝ้าบริเวณต่างๆ และที่แปลกใหม่ไม่เหมือนใครก็คือ การฝังไฟ LED ดวงเล็กๆ เป็นจำนวนหลายร้อยดวงบริเวณฝ้าของสระว่ายน้ำครับ นอกจากนี้อีกหนึ่งส่วนที่สวยไม่แพ้ความสวยของสระว่ายน้ำก็คือ วิวสวนจตุจักรครับ เพราะบริเวณนี้เราจะเห็นสวนแบบเต็มๆ ตาเลยครับ 

Fitness

เป็นห้อง Fitness ที่ทำออกมาได้ค่อนข้างลงตัวระหว่าง Function ภายในห้องผนวกกับความหรูหราและความสวยงามระดับ Super Luxury โดยเต้ขอเริ่มต้นจากการแบ่งพื้นที่ภายในห้องฟิตเนส เป็น 3 ส่วนครับ  1. Weight training 2. Yoga Room 3. Cardio Room 

สำหรับงาน Interior ภายในห้อง Fitness เต้ถือว่าทำได้ดีมากครับ ตัวงานมีความ Craft และใส่ใจในรายละเอียดมาก โดยจะสังเกตได้จาก มีการใช้หินอ่อน Black forest แบบต่อลาย มากรุผนังเสา Featuring ด้วยหินอ่อน White Volaskas แบบต่อลายในบางจุดอีกเช่นกัน โดยการต่อลายของหินทำออกมาได้ดีมากครับ

ถัดมาคือความใส่ใจในเรื่องของฟังก์ชันการใช้งานครับ โดยสิ่งที่เต้สังเกตได้คืองานพื้นครับ โดยพื้นของห้องในแต่ละโซนจะใช้วัสดุไม่เหมือนกันนะครับ พื้นส่วนไหนต้องรับแรงกระแทกจากการออกกำลังกาย ทางโครงการก็จะใช้วัสดุปูพื้นเพื่อรองรับน้ำหนัก เพื่อป้องกันอุบัติเหตุจากการออกกำลังกาย โดยตัววัสดุนั้นจะเหมือนกับ Fitness เกรด A ในกรุงเทพเลยครับ ไม่ค่อยบ่อยนะครับที่ Developer จะให้ความสำคัญกับพื้นห้อง Fitness เพราะส่วนใหญ่ก็จะใช้แค่กระเบื้องยางมาปู ไม่ได้ทำอะไรมากมายกับพื้นครับ

ในส่วนของเครื่องเล่น Brand และรุ่นที่ใช้ภายในโครงการนี้ค่อนข้างดีมากครับ ดีกว่าSaladaeng One, Beatniq และ 28 Chidlom อีกครับ โดยแบรนด์ที่ใช้ภายในโครงการนี้จะเป็นของ Technogym ครับ และหลายๆ ชิ้นเหมือนที่ Virgin Active เลยครับ 

ดังนั้นใน Part นี้เต้ขอสรุปว่าห้อง Fitness ของ The Crest Park Residences เป็นโครงการที่ค่อนข้างมาครบครับ ไม่ว่าจะเป็น Spec ของภายในห้อง ฟังก์ชั่นการใช้งานที่หลากหลาย และท้ายสุดคือความหรูหราสวยงามระดับ Super Luxury

ประมาณนี้ครับสำหรับส่วนกลางของ The Crest Park Residences ขอบอกตรงๆ เลยว่า Big surprised มากครับ เพราะของที่คิดไว้ตอนเห็น Tive กับของจริงที่ทำเสร็จแล้ว บอกเลยว่าคนละเรื่องเลยครับ Tive ดูจืดๆ และมีความน่าเบื่อเบาๆ แต่ของจริงคือสวยสะพรึง มีความแปลกและแตกต่างกว่าทุกโครงการที่เต้เคยเห็นมา แต่ในเวลาเดียวกัน เมื่อมองเจาะไปที่ Material ในแต่ละ Part ของส่วนกลางแล้ว เต้บอกตรงๆ เลยว่าโครงการนี้ให้แต่ของดีทั้งนั้นครับ

Copy link
Powered by Social Snap